ให้ปฏิบัติตามหลัก 3 ต. ง่ายๆ ดังนี้
ต. ที่1 “ตั้งสติ” ก่อนเป็นลำดับแรก
เมื่อลิฟท์ค้างอย่าตกใจจนเกินเหตุ ควรตั้งสติให้ดี และไม่ต้องกังวลว่าจะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากลิฟท์ได้ถูกออกแบบให้มีระบบระบายอากาศที่เพียงพอแม้ว่าพัดลมระบายอากาศ จะไม่ทำงานก็ตาม
ต. ที่2 “ติดต่อ” ขอความช่วยเหลือ
- กรณีไฟฟ้าดับ ชุดไฟส่องสว่างจากแบตเตอรี่สำรองฉุกเฉินจะท างาน โดยให้แสงสว่าง เพียงพอสำหรับการมองเห็น ให้กดปุ่มขอความช่วยเหลือที่แผงปุ่มกด (รูปกระดิ่งหรือ โทรศัพท์) ให้กดปุ่มแช่ไว้ จะได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์ดัง จากนั้นเราก็พูดขอความ ช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่อาคารได้เลย
- ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ที่กำลังให้ความช่วยเหลือ เช่น มีผู้โดยสารกี่คน มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือไม่และพยายามสังเกตชั้นที่ใกล้เคียงที่สุดก่อนที่ลิฟท์ค้างเพื่อทราบตำแหน่งค้างอยู่ผ่าน ทาง Interphone จากนั้นให้รอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
- ถ้ากดปุ่มขอความช่วยเหลือในลิฟท์ตามแล้ว เจ้าหน้าที่อาคารไม่ตอบรับ (อาจลุกไปเข้า ห้องน้ำพอดีก็ได้ค่ะ) ให้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากบริษัทผู้ให้บริการบำรุงรักษาลิฟท์แทน (โดยมองหำเบอร์ติดต่อในลิฟท์บนป้ายคำแนะนำการใช้ลิฟท์)
ต. ที่3 “ตั้งตารอ” การช่วยเหลืออยู่ในลิฟท์
หลังจาก "ติดต่อ" ขอความช่วยเหลือแล้ว ก็คือ "ตั้งตารอ" การช่วยเหลืออยู่ในลิฟท์
ย้ำ !!! รอกำรช่วยเหลืออยู่ในลิฟท์นะจ๊ะ
สิ่งที่ไม่ควรทำระหว่างรอเจ้าหน้าที่คือ
- อย่าพยายามผลัก หรือง้างประตูลิฟท์ ออกมาเอง
- ถ้าลิฟท์อยู่แบบครึ่ง ๆ กลาง ไม่ได้จอดตรงกับชั้นแล้ว อย่าพยายามปีนป่ายออกมา เอง การทำแบบนี้อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้นะจ๊ะ
- เวลารอให้อยู่ชิดด้านในลิฟท์ ไม่อยู่ติดประตูนะ นั่งเล่นมือถือ ร้องเพลง...รอ...ก็ว่ากัน ไปนะจ๊ะ ในลิฟท์มีช่องระบายอากาศ มีพัดลม สบายใจได้ว่า..."เรามีอากาศหายใจ"